เร่งล่า 2 มือปืนขี่ จยย.ยิงกลางสนามบอลสงขลา
- 3 ปีที่แล้ว
ตำรวจเร่งล่า 2 คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ก่อเหตุยิงกลางสนามฟุตบอล อ.บางกล่ำ จ.สงขลา มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ล่าสุดได้เบาะแสสำคัญจากภาพวงจรปิดแล้ว
ความคืบหน้าเหตุยิงกันที่ลานจอดรถสนามฟุตบอล ในพื้นที่บ้านโคกเมา หมู่ 7 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี มีผู้บาดเจ็บ 1 คน คือ นายอานนท์ เหมแหละ อายุ 19 ปี ซึ่งขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอล เพื่อหาหัวกระสุนปืน หนึ่งในหลักฐานสำคัญของคดีนี้ แต่ยังไม่พบ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในสนามฟุตบอล เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสสำคัญของคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้แล้ว ซึ่งจากภาพวงจรปิดได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัดชัดเจน พร้อมภาพคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ออกจากลานจอดรถ เลี้ยวซ้ายขับหลบหนีไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่พบเบาะแสเส้นทางหลบหนีของคนร้ายแล้ว ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมออกหมายจับคนร้ายทั้ง 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นคนนั่งซ้อนท้ายและคนยิง มีประวัติพัวพันยาเสพติดและมีหมายจับติดตัวคดียาเสพติดอยู่ด้วย นอกจากนี้ มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์กันมา 2 คัน และมาจอดอยู่ด้านหน้าสนาม เหมือนกับมาดูลาดเลาก่อนเกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจกำลังติดตามตัวมาสอบสวนเช่นกัน
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนและตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์ ก่อนปล่อยตัวมา ซึ่งเป็นวัยรุ่นที่มีเรื่องท้าทายกันในเฟซบุ๊กกับกลุ่มผู้ที่ถูกยิง
วัยรุ่นคนนี้เล่าว่า ตนมีเรื่องกับคนในกลุ่มที่ถูกยิงจริง ซึ่งมีการโพสต์ด่ากันในกลุ่มเฟซบุ๊ก เมื่อ 2 เดือนก่อน และเมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) ตนไปแข่งขันฟุตบอลด้วย และพบกับคู่กรณีที่มาแข่งฟุตบอลที่สนามแห่งนี้ โดยคู่กรณีได้ท้าต่อย แต่ตอนบอกว่าไม่ขอต่อยด้วย และได้โพสต์ขอโทษผ่านเฟซบุ๊กแทน พร้อมจับมือคืนดีเลิกแล้วต่อกัน จากนั้นจึงให้เพื่อนมาส่งที่บ้านมา ทราบอีกทีว่ามีการยิงกันที่สนามฟุตบอล จึงขับรถไปดู พบว่าคนที่ถูกยิงเป็นเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับคนที่มีเรื่องกับตน แต่ยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้สั่งให้ใครไปยิง ไม่รู้จักทั้งคนยิงและคนถูกยิง และไม่รู้ด้วยว่ามีเรื่องอะไรกัน หลังเกิดเหตุถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกัน เนื่องจากคนที่ถูกยิงกับคนที่มีปัญหากับตนอยู่กลุ่มเดียวกัน ทั้งที่เป็นคนละเรื่องและไม่เกี่ยวกัน เรื่องของตนเคลียร์กันจบไปแล้ว
ความคืบหน้าเหตุยิงกันที่ลานจอดรถสนามฟุตบอล ในพื้นที่บ้านโคกเมา หมู่ 7 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี มีผู้บาดเจ็บ 1 คน คือ นายอานนท์ เหมแหละ อายุ 19 ปี ซึ่งขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุบริเวณลานจอดรถสนามฟุตบอล เพื่อหาหัวกระสุนปืน หนึ่งในหลักฐานสำคัญของคดีนี้ แต่ยังไม่พบ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในสนามฟุตบอล เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสสำคัญของคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้แล้ว ซึ่งจากภาพวงจรปิดได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัดชัดเจน พร้อมภาพคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ออกจากลานจอดรถ เลี้ยวซ้ายขับหลบหนีไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่พบเบาะแสเส้นทางหลบหนีของคนร้ายแล้ว ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมออกหมายจับคนร้ายทั้ง 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นคนนั่งซ้อนท้ายและคนยิง มีประวัติพัวพันยาเสพติดและมีหมายจับติดตัวคดียาเสพติดอยู่ด้วย นอกจากนี้ มีภาพจากกล้องวงจรปิดที่เป็นผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์กันมา 2 คัน และมาจอดอยู่ด้านหน้าสนาม เหมือนกับมาดูลาดเลาก่อนเกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจกำลังติดตามตัวมาสอบสวนเช่นกัน
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชายวัยรุ่นอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนและตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์ ก่อนปล่อยตัวมา ซึ่งเป็นวัยรุ่นที่มีเรื่องท้าทายกันในเฟซบุ๊กกับกลุ่มผู้ที่ถูกยิง
วัยรุ่นคนนี้เล่าว่า ตนมีเรื่องกับคนในกลุ่มที่ถูกยิงจริง ซึ่งมีการโพสต์ด่ากันในกลุ่มเฟซบุ๊ก เมื่อ 2 เดือนก่อน และเมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) ตนไปแข่งขันฟุตบอลด้วย และพบกับคู่กรณีที่มาแข่งฟุตบอลที่สนามแห่งนี้ โดยคู่กรณีได้ท้าต่อย แต่ตอนบอกว่าไม่ขอต่อยด้วย และได้โพสต์ขอโทษผ่านเฟซบุ๊กแทน พร้อมจับมือคืนดีเลิกแล้วต่อกัน จากนั้นจึงให้เพื่อนมาส่งที่บ้านมา ทราบอีกทีว่ามีการยิงกันที่สนามฟุตบอล จึงขับรถไปดู พบว่าคนที่ถูกยิงเป็นเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับคนที่มีเรื่องกับตน แต่ยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้สั่งให้ใครไปยิง ไม่รู้จักทั้งคนยิงและคนถูกยิง และไม่รู้ด้วยว่ามีเรื่องอะไรกัน หลังเกิดเหตุถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกัน เนื่องจากคนที่ถูกยิงกับคนที่มีปัญหากับตนอยู่กลุ่มเดียวกัน ทั้งที่เป็นคนละเรื่องและไม่เกี่ยวกัน เรื่องของตนเคลียร์กันจบไปแล้ว